ถ้าช่วงนี้คุณเบื่อกับอาหารตามสั่งแบบเดิมๆ อย่างกะเพราหรือข้าวผัด งั้นมาลอง ทำคั่วกลิ้ง ทานที่บ้านดูสิ ขั้นตอนการทำง่ายแสนง่าย และไม่ยากอย่างที่คิดเลยล่ะ ใครที่ชอบทานเผ็ดร้อนคงถูกใจคั่วกลิ้งไม่ใช่น้อยเลย ด้วยรสชาติความเป็นอาหารใต้นั้นจัดจ้านและสมุนไพรเยอะมากๆ แต่ก่อนจะไปทำคั่วกลิ้ง มาดูความเป็นมาของเมนูนี้กัน
คั่วกลิ้ง เป็นอาหารพื้นบ้านภาคใต้ โดยนำเนื้อสัตว์อย่างเช่น หมู ไก่ มาคั่วกับเครื่องแกงจนได้ที่ เมื่อรสชาติเข้าเนื้อจะเข้มข้น รสจัด ส่วนมากจะทานคู่กับผักสด เพื่อลดความเผ็ดร้อนของสมุนไพร เช่นเดียวกับลาบของภาคอื่น จึงได้ชื่อว่า คั่วกลิ้ง มาจากวิธีทำที่ต้องคั่วส่วนผสมบนกะทะจนแห้ง

วัตถุดิบทำพริกแกงคั่วกลิ้ง
- ตะไคร้ 3 ต้น
- ขาหั่นแว่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียม 5 กลีบ
- ผิวมะกรูด 1/2 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทยดำเม็ด 1 ช้อน
- ขมิ้น 2 ท่อน
- กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกแห้ง 10 เม็ด
วัตถุดิบทำคั่วกลิ้ง
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกแดงจินดา 2 เม็ด
- ใบมะกรูด 3 ใบ
- เนื้อหมูสับละเอียด 500 กรัม
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
- น้ำปลา 1 ช้อนชา
- กระเทียม 4-5 กลีบ
- ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา

วิธีทำ คั่วกลิ้ง
1.นำกระทะมาตั้งไฟ ใส่น้ำมัน
2.นำเครื่องแกงลงไปผัด เติมน้ำต้มสุกพอให้ผัดได้
3.ผัดจนพริกแกงหอมเติมรสดี และนำหมูสับลงไปผัด
4.ผัดต่อ(คั่ว)จนแห้ง ปรุงรสด้วยน้ำปลาให้ออกเค็มนำ ตามด้วยเผ็ด และตัดหวานด้วยน้ำตาลสักเล็กน้อย ในช่วงที่เรารอผัดจนแห้งนั้น สามารถเล่นเกม BIKINI PARADISE สนุกไปกับสาวสวยสุดเซ็กซี่เล่นกันเพลินๆช่วงทำอาหารเลยล่ะ
5.สุดท้ายใส่ใบมะกรูดซอย และพริกชี้ฟ้าเพิ่มความสวยงาม คลุกเคล้าให้เข้ากัน
6.เสริฟคู่กับผักสด กินกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยสุดๆ
ประโยชน์โดยรวมของพริกแกงคั่วกลิ้ง
- พริก ขึ้นชื่อว่า “แกง” แน่นอนต้องมีพริกเพื่อเพิ่มรสชาติให้จัดจ้านและสีสันที่น่าทานยิ่งขึ้น แต่น้อยคนจะรู้ถึงประโยชน์สุดล้ำที่ซ่อนภายในเม็ดเล็กๆ.. “พริก” มีวิตามินซีสูง หรือ แอสคอร์บิก ที่ช่วยขยายเส้นเลือดในลำไส้และกระเพาะอาหารทำให้ดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น สารแคปไซซิน (Capsaicin) ที่ทำให้พริกเผ็ดร้อน นั้น มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร ลดความเจ็บปวดของกล้ามเนื้อ หัวไหล่ แขน บั้นเอว และส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ด้วย พริกจึงนับเป็นสมุนไพรคู่ครัวที่ควรมีติดบ้าน แค่มี น้ำแกงพร้อมปรุงรอยไทย ก็ทำอาหารได้ง่าย จะเติมพริกเพิ่มก็ได้ถ้าชอบความแซ่บ
- กระเทียม มีอยู่ในเกือบทุกเครื่องแกงไทย ไม่ว่าจะเป็นกระเทียมสดหรือแห้ง หากทานเป็นประจำจะสามารถป้องกันโรคหลอดเลือดอุดตันและกล้ามเนื้อหัวใจหยุดทำงานเฉียบพลัน ที่สำคัญยังช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ดีกับคนที่เป็นโรคอ้วน และช่วยลดความดันโลหิต นอกจากนี้กระเทียมยังมีสรรพคุณ ช่วยขับลม แก้จุกเสียด ท้องอืด ท้องเฟ้อ ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ยีสต์ และไวรัสอีกด้วย แม้จะรู้สรรพคุณของกระเทียม แต่บางท่านอาจไม่ชอบกลิ่นหรือไม่สะดวกทำทาน แค่มีน้ำแกงพร้อมปรุงรอยไทยติดบ้านไว้ก็อร่อยและได้ประโยชน์จากสมุนไพรในเครื่องแกง
- มะกรูด ตัวจิ๋วในเครื่องแกงแต่แฝงด้วยประโยชน์ล้ำ ใช้ได้ทั้งผิวผลและใบ มีกลิ่นหอมชื่นใจเป็นเอกลักษณ์ ผิวสรรพคุณขับลมในลำไส้ ขับระดู แก้วิงเวียน ส่วนใบนั้นอุดมด้วยน้ำมันหอมระเหย ช่วยขับลมในลำไส้ ลดความดันโลหิต แก้ลักปิดลักเปิด แก้จุกเสียด แก้เสมหะ แก้ไอ ช่วยป้องกันรังแคให้ผมดกดำ และยังช่วยให้เจริญอาหารขึ้นอีกด้วย
- ตะไคร้ สมุนไพรก้นครัวที่อยู่เกือบทุกเมนู ไม่ว่าจะ แกงเผ็ด แกงส้ม ต้มยำ ต้มข่าไก่ น้ำพริกต่างๆ ช่วยเพิ่มกลิ่น รสชาติและคุณค่าให้กับเมนูนั้น ประโยชน์ช่วย ขับลม แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ป้องกันการอาเจียน ต้านเชื้อแบคทีเรีย แก้โรคหอบหืด ล้างพิษออกจากร่างกาย ลดการเจ็บปวดกล้ามเนื้อ ลดกรดยูริคช่วยเรื่องโรคเกาท์ หากไม่สะดวกจัดหา หรือว่าทำเครื่องแกงเอง ให้เคล็ดลับทำอาหารง่ายๆ อย่างน้ำแกงพร้อมปรุงรอยไทยช่วยได้เลย
เป็นอย่างกันบ้างกับการทำคั่วกลิ้ง ไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะทุกๆคน คราวนี้ก็ลองหาเวลาว่างๆ ทำทานกับครอบครัวหรือกับแฟน รับรองว่าใครได้ชิมเป็นต้องน้ำตาไหลแน่นอน ไม่ใช่เพราะซึ้งที่คุณทำให้ทานนะ แต่เพราะว่าเผ็ดนั่นเอง หากเมนูนี้ยังไม่ตอบโจทย์งั้นมาดู4 สูตรเด็ด สำหรับทำน้ำพริกกะปิมนูไทยๆ ยอดฮิต ที่นำมาทานคู่กับผักสด หรือผักต้มต่างๆ ไข่ทอดชะอม ขาดไม่ได้คือข้าวสวยร้อนๆ คลุกเคล้าและรับประทานพร้อมกัน